Eria
Lindl., Bot. Reg. 11: t. 904 (1825); Benth. & Hook. f., Gen. Pl.
3: 509 (1883).
กล้วยไม้อิงอาศัยหรือขึ้นบนก้อนหิน เจริญเติบโตแบบแตกกอ
ลำลูกกล้วยผอมบางหรือหนาอวบน้ำ สั้นหรือยาว มีข้อเดียวหรือหลายข้อ
ใบมีหนึ่งใบหรือมีหลายใบ ออกตามด้านข้างหรือออกเฉพาะที่ปลายลำลูกกล้วย
ใบหนาหรือบาง มีหรือไม่มีก้านใบ ใบคงอยู่หรือหลุดร่วงเมื่อแก่
ใบประดับขนาดเล็กหรือใหญ่ กลีบเลี้ยงคู่ข้างเชื่อมกันที่ฐานของเส้าเกสร
เกิดเป็นคาง กลีบปากมี 3 แฉก หรือแฉกข้างหายไป ก้นเรณูมี 8 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ๆ ละ
4 ก้อน มีก้านก้อนเรณู
รูปวิธานแยกชนิด
ช่อดอกเกิดใกล้ฐานของลำลูกกล้วย
ช่อดอกมักยาว มีดอกหลายดอก ดอกบานวัดจากปลายกลีบเลี้ยงคู่ข้าง กว้างประมาณ 3 ซม.
สันที่กลีบปากเกลี้ยง ลำลูกกล้วยรูปไข่ ใบหนาอวบน้ำ มักขึ้นบนก้อนหิน 2.
E. pubescens
ช่อดอกเกิดใกล้ปลายของลำลูกกล้วย
ช่อดอกสั้น 1 ช่อมีดอก 4 - 5 ดอก ดอกบานวัดจากปลายกลีบเลี้ยงคู่ข้าง กว้าง 0.8 -
1 ซม. สันที่กลีบปากมี 2 สันที่มีขน ลำลูกกล้วยรูปไข่กลับ ใบบาง ไม่อวบน้ำ
มักเกาะบนต้นไม้ 1. E.
dasypus
1. Eria dasypus Rchb. f., Bot. Zeit. 22,
Jahrg. no. 39: 415 (1864); Hook. f. in Fl. Brit. India 5: 802 (1890); Grant,
Orch. Burma: 137 (1895); Seidenf. in Opera Botanica 62: 115, fig. 68, pl.
VIIIc (1982).- Pinalia dasypus (Rchb. f.) Kuntze, Rev. Gen. 2: 679
(1891).- Eria alba (non Lindl.) Cumberlege in Nat. Hist. Bull. Siam
Soc. 20(3): 166 (1963).
กล้วยไม้อิงอาศัย ลำลูกกล้วยรูปไข่กลับ ตั้งขึ้น ขนาด 4 - 6 x 1.5 -
1.8 ซ.ม. อวบน้ำ มีหลายข้อ ลำลูกกล้วยเกาะเป็นกลุ่มชิดกัน ใบ มี 2 - 5 ใบ
ใกล้ปลายลำลูกกล้วย ใบรูปขอบขนาน หรือรูปขอบขนานแกมรูปใบหอกกลับ ขนาด 2.5 - 7 x 1
- 1.5 ซม. ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบบาง เหนียวคล้ายแผ่นหนัง
ไม่อวบน้ำ เกลี้ยงทั้ง 2 ด้าน ช่อดอก แบบช่อกระจะ เกิดด้านข้างใกล้ปลายลำลูกกล้วย
มีขนสีขาวสั้น ๆ ปกคลุมหนาแน่น 1 ช่อ มี 4 - 5 ดอก ก้านช่อดอกยาว 1 - 1.5 ซม.
หนาประมาณ 1.5 มม. ใบประดับที่ใกล้โคนก้านช่อมีสีเขียว เป็นแผ่นบางรูปไข่กว้าง
ยาว 5 - 8 มม. ปลายเป็นติ่ง เกลี้ยงทั้ง 2 ด้าน ดอกสีเหลืองอ่อน
ออกเรียงสลับไปตามแกนช่อดอก ดอกบานกว้างประมาณ 0.8 - 1 ซม. ก้านดอกย่อยยาวประมาณ
1.5 ซม. มีขนสั้นสีขาวนุ่มปกคลุม
ใบประดับที่ก้านดอกย่อยเหมือนใบประดับที่ก้านช่อดอกแต่มีขนาดเล็กกว่า
กลีบเลี้ยงอันบนรูปใบหอก ขนาด 9 x 3 มม. ปลายแหลมโค้งเข้า
กลีบเลี้ยงคู่ข้างรูปไข่แกมรูปใบหอกฐานเบี้ยว ส่วนกว้างที่ฐานประมาณ 6 มม. ยาว 6
- 7 มม. ปลายแหลมบิดออกทางด้านข้าง กลีบเลี้ยงทั้งหมดด้านหน้ามีสีเหลืองอ่อน
เกลี้ยง ด้านหลังมีขนนุ่มสั้นสีขาวปกคลุม กลีบดอกรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก
สีเหลืองอ่อน ขนาด 7 x 3 มม. เกลี้ยงทั้ง 2 ด้าน กลีบปากมี 3 แฉก
โคนกลีบติดกับปลายฐานเส้าเกสร แฉกข้างตั้งขึ้น แฉกกลางปลายมีสีน้ำตาล ม้วนลง
ตรงกลางแฉกมีสัน 3 สัน 2 สันข้างมีขน สันกลางเกลี้ยง เส้าเกสรสีเหลืองอ่อน ขนาด 4
x 2 มม. ฝาอับเรณูสีเหลือง ผลแห้งแล้วแตก ขนาด 15 - 17 x 3.5 - 5 มม.
มีขนสีขาวสั้น ๆ ปกคลุม
ประเทศไทย.- เหนือ: เชียงใหม่ (แม่สะนาม บ่อหลวง);
ตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย (ภูกระดึง); ตะวันออก: นครราชสีมา (เขาใหญ่);
ตะวันตกเฉียงใต้: กาญจนบุรี (ศรีสวัสดิ์); ตะวันออกเฉียงใต้:
จันทบุรี (ขลุง)
การกระจายพันธุ์.- พม่า และไทย
นิเวศวิทยา.- พบพอประมาณตามต้นไม้ที่มีแสงมาก
ออกดอกและผลระหว่างเดือนกันยายน - ธันวาคม
ชื่อพื้นเมือง.- เอื้องลำอ้วนดอกขน
2. Eria pubescens (Hook.) Steud., Nom.
Bot. 2, ed. 1: 566 (1840); Seidenf. in Opera Botanica 62: 60, figs. 29, 30 &
32 (1982); 114: 177 (1992); Seidenf. & Wood, Orch. Pen. Mal. & Sing.: 277,
figs. 119a-d (1992).- E. flava Lindl., Gen & Sp. Orchid. Pl.: 65
(1830).- E. albidotomentosa (Blume) Lindl., Gen. Sp. Orchid. Pl.: 66
(1830); Holttum, Rev. Fl. Malaya 1: 372, fig. 110 (1953); Seidenf. in Opera
Botanica 62: 60, fig. 33, pl. IIId (1982).
กล้วยไม้ขึ้นบนก้อนหิน ลำลูกกล้วยรูปไข่ ตั้งขึ้น ขนาด 6 x 3 - 4 ซม.
อวบน้ำ มีข้อหลายข้ออยู่ห่างหรือชิดกัน มีเหง้าระหว่างลำลูกกล้วย ใบ มี 3 - 5 ใบ
ใกล้ปลายลำลูกกล้วย ใบรูปรีแกมรูปใบหอก ขนาด 6 - 10 x 2.5 - 3 ซม.
ปลายใบแหลมเรียว โคนใบเป็นกาบหุ้มซ้อนทับกัน ขอบใบเรียบ แผ่นใบโค้งออกด้านนอก
ใบอวบน้ำ เกลี้ยงทั้ง 2 ด้าน ช่อดอกแบบช่อกระจะ
เกิดจากตาข้างใกล้ฐานของลำลูกกล้วย มีขนยาวสีขาวปกคลุมหนาแน่น 1 ช่อมีหลายดอก
ก้านช่อดอกยาว 10 - 12 ซม. หนาประมาณ 3 มม.
โคนก้านช่อมีใบประดับคล้ายใบที่ลดขนาดลงหุ้มซ้อนทับกันไปตามก้านช่อดอก 4 - 5 ซม.
ดอก สีเหลืองอ่อน ออกเรียงสลับกันไปตามแกนช่อดอก ดอกบานกว้างประมาณ 3 ซม.
ก้านดอกย่อยยาว 1.5 - 3 ซม. มีขนสีขาวนุ่มปกคลุม
ใบประดับที่ก้านดอกย่อยสีเขียวอ่อน มีขนาดใหญ่ ยาว 2.5 - 3 ซม.
กลีบเลี้ยงอันบนรูปใบหอก ขนาด 1.5 x 0.6 ซม. ปลายแหลมโค้งออก
กลีบเลี้ยงคู่ข้างรูปไข่แกมรูปใบหอก ฐานเบี้ยว ส่วนกว้างที่ฐานประมาณ 1 ซม.
ส่วนกว้างที่ฐานประมาณ 1 ซม. ยาว 1.5 - 1.8 ซม. ปลายแหลมบิดไปด้านหลัง
กลีบเลี้ยงทั้งหมดด้านหน้าเกลี้ยง มีสีเหลืองอ่อน ด้านหลังมีขนนุ่มสีขาว
กลีบดอกรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก สีเหลืองอ่อน ขนาด 1.3 x 0.4 ซม.
เกลี้ยงทั้งสองด้าน กลีบปากสีน้ำตาล มี 3 แฉก โคนกลีบสีขาวอมเหลือง
ติดอยู่กับปลายฐานเส้าเกสร แฉกข้างตั้งขึ้น แฉกกลางชี้ไปข้างหน้า
มีสันตรงกลางบริเวณปลายแฉก เส้าเกสรสีเหลืองอ่อน ขนาด 5 x 3 มม.
ฝาอับเรณูสีเหลือง ผลแห้งแล้วแตก ขนาด 3 - 4 x 0.7 - 0.9 ซม.

ประเทศไทย.- พบทั่วประเทศ
การกระจายพันธุ์.-บริเวณกระจายพันธุ์กว้างตั้งแต่ตะวันออกเฉียงเหนือเทือกเขาหิมาลัยถึงฮ่องกง
และต่ำลงมาทางไทย มาเลเซีย จนถึงอินโดนีเซีย
นิเวศวิทยา.- พบมากบนก้อนหินในที่โล่ง
ออกดอกและผลระหว่างเดือนตุลาคม - ธันวาคม
ชื่อพื้นเมือง.- เอื้องคำหิน