ไม้ต้น สูงได้ถึง 30 ม. มีขนสั้นนุ่มตามกิ่งอ่อน เส้นแขนงใบ ก้านใบ ช่อดอก กลีบเลี้ยง และกลีบดอก ใบเรียงเวียน รูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 10–20 ซม. โคนเบี้ยว ก้านใบยาว 1–1.5 ซม. ช่อดอกออกเป็นกระจุกสั้น ๆ ตามกิ่งหรือซอกใบ ก้านดอกยาว 2–5 ซม. กลีบเลี้ยง 3 กลีบ รูปไข่ พับงอกลับ ยาวประมาณ 7 มม. กลีบดอก 6 กลีบ รูปแถบ ยาวเท่า ๆ กัน ยาว 5–7.5 ซม. ก้านกลีบสั้น เกสรเพศผู้จำนวนมาก ยาวประมาณ 3 มม. แกนอับเรณูมีรยางค์เป็นติ่ง คาร์เพลแยกกัน ยอดเกสรเพศเมียเป็นชั้นบาง ๆ ติดจานฐานดอกเป็นรูปหมวก ผลย่อยรูปขอบขนาน ยาว 1.5–2.3 ซม. สุกสีดำ ก้านยาว 1.2–1.8 ซม. มี 2–12 เมล็ด เรียงสองแถว
พบที่อินเดีย พม่า ภูมิภาคมาเลเซีย และออสเตรเลีย ในไทยพบทางภาคใต้ และเป็นไม้ประดับ ดอกมีกลิ่นหอมแรง ชนิดย่อย var. fruticosa (Craib) J.Sinclair หรือกระดังงาสงขลา เป็นไม้พุ่ม กลีบดอกหลายกลีบ พบเฉพาะที่ปลูกเป็นไม้ประดับ
สกุล Cananga (DC.) Hook.f. & Thomson มี 2 ชนิด อีกชนิดคือ สะแกแสง C. brandisiana (Pierre) I.M.Turner ชื่อเดิมคือ C. latifolia (Hook.f. & Thomson) Finet & Gagnep. ชื่อสกุลมาจากภาษามาเลย์ “kenanga” ที่ใช้เรียกกระดังงา
|
ชื่อพ้อง Uvaria odorata Lam., Canangium odoratum (Lam.) Baill. ex King
|
|
ชื่อสามัญ Cananga tree, Ylang-ylang tree
|
ชื่ออื่น กระดังงา (ทั่วไป); กระดังงาไทย, กระดังงาใบใหญ่, กระดังงาใหญ่ (ภาคกลาง); สะบันงา, สะบันงาต้น (ภาคเหนือ)
|
|
กระดังงา: ช่อดอกออกเป็นกระจุกสั้น กลีบเลี้ยงพับงอกลับ กลีบดอกรูปแถบ ยาวเท่า ๆ กัน (ภาพ: ราชันย์ ภู่มา)
|
|