| กันภัย สกุล
| | | วันที่ 30 พฤษภาคม 2559 |
| |
ไม้เถามีเนื้อไม้ หูใบออกเป็นคู่ ร่วงเร็วหรือติดทน ใบประกอบปลายคี่ เรียงเวียน หูใบย่อยรูปเส้นด้าย ติดเป็นคู่ ใบย่อยเรียงตรงข้าม ช่อดอกแบบช่อกระจะหรือแยกแขนง ใบประดับหุ้มตาดอก ร่วงพร้อมดอก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปปากเปิด ดอกรูปดอกถั่ว กลีบกลางมีสันนูนคล้ายเดือย (calluses) ที่โคน 1 คู่ เข้าใจว่าเป็นตัวชี้ต่อมน้ำต้อย แผ่นกลีบพับงอกลับ กลีบปีกและกลีบคู่ล่างยาวเท่า ๆ กัน มีก้านกลีบสั้น ๆ กลีบคู่ล่างเชื่อมติดกันรูปคุ่ม เกสรเพศผู้ยาวเท่า ๆ กลีบคู่ล่างหรือยาวกว่าเล็กน้อย ก้านชูอับเรณูแยก 1 อันที่โคน เชื่อมติดกัน 9 อัน รังไข่มีขนยาว มีก้าน ออวุล 2 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว ฝักแข็งแตกยาก เปลือกหนา มี 1–2 เมล็ด เมล็ดมีขั้ว
สกุล Afgekia อยู่ภายใต้เผ่า Milletieae มี 3 ชนิด พบในจีนตอนใต้ พม่า และภูมิภาคอินโดจีน ชื่อสกุลตั้งตามนายแพทย์ชาวไอริช Arthur Franci George Kerr (1877–1942) ผู้บุกเบิกการสำรวจและเก็บตัวอย่างพรรณไม้ในไทย และผู้ก่อตั้งหอพรรณไม้แห่งแรกของไทย หรือพิพิธภัณฑ์พืชสิรินธร (BK) ในปัจจุบัน
| | | | | | |
|
เอกสารอ้างอิง | Burtt, B.L. and C. Chermsirivathana. (1971). A second species of Afgekia (Leguminosae). Notes from the Royal Botanic Garden, Edinburgh 31(1): 131–133. |
| Craib, W.G. (1927). Contributions to the Flora of Siam. Bulletin of Miscellaneous Information Kew 1927: 376–378. |
| Phan Ke Loc and J.E. Vidal. (2001). Leguminosae-Papilionoideae, Millettieae. Flore du Cambodge, du Laos et du Vietnam 30: 8–15. |
| Wei, Z. and L. Pedley. (2010). Fabaceae (Afgekia). In Flora of China Vol. 10: 174. |