ไม้พุ่ม แตกกอ สูง 2–3 ม. แยกเพศต่างต้น ลำต้นกลวงเป็นฟองน้ำสีขาว หูใบรูปเส้นด้าย ยาว 1–2 มม. ร่วงเร็ว บางครั้งแยก 2–3 แฉก ใบเรียงเวียน รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 5–11 ซม. ขอบจักฟันเลื่อยคล้ายหนาม ก้านใบยาว 1–5 ซม. ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม ติดบนเส้นกลางใบใต้จุดกึ่งกลาง ช่อดอกเพศผู้มี 7–10 ดอก ใบประดับคล้ายหูใบ ก้านดอกยาว 1–2 มม. ดอกเส้นผ่านศูนย์กลาง 3–5 มม. กลีบเลี้ยงและกลีบดอกจำนวนอย่างละ 3–5 กลีบ สีม่วงอมเขียว เกสรเพศผู้ติดระหว่างกลีบดอก ยาวประมาณ 1 มม. จานฐานดอกรูปเบาะ ช่อดอกเพศเมียมี 1–5 ดอก ก้านดอกสั้น ดอกเส้นผ่านศูนย์กลาง 5–8 มม. กลีบเลี้ยงและกลีบดอกจำนวนอย่างละ 4 กลีบ รังไข่ใต้วงกลีบ เกสรเพศเมียแยก 3–5 แฉก ติดทน ผลผนังชั้นในแข็ง รูปรี ยาว 7–8 มม. จักเป็นพู ก้านผลยาว 1–6 มม. มี 2–4 เมล็ด
พบที่ อินเดีย ภูฏาน เนปาล จีนตอนใต้ พม่า และเวียดนามตอนบน ในไทยพบทางภาคเหนือที่ดอยภูคา จังหวัดน่าน ขึ้นตามที่ลาดชันใต้ร่มเงาในป่าดิบเขา ความสูงประมาณ 1100 เมตร
สกุล Helwingia Willd. เคยอยู่ภายใต้วงศ์ Apiaceae, Araliaceae หรือ Cornaceae เป็นสกุลเดียวของวงศ์ พบเฉพาะประเทศในแถบเทือกเขาหิมาลัย และเอเชียตะวันออกที่จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี มี 4 ชนิด ในไทยมีชนิดเดียว ใน Flora of China ระบุว่าพบ H. chinensis Batalin ซึ่งอาจวิเคราะห์ชื่อผิด ช่อดอกที่ออกกลางเส้นใบ (epiphyllous flowers) เกิดจากก้านช่อดอกแนบติดกับก้านใบและเส้นกลางใบเป็นเนื้อเดียวกัน จนไม่สามารถแยกได้ ชื่อสกุลตั้งตามนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน Georg Andreas Helwing (1668–1748)
|