ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สูงได้ถึง 12 ม. แยกเพศต่างต้น ไม่มีหูใบ กิ่งมีช่องอากาศ ใบประกอบปลายคี่ เรียงเวียน ก้านใบยาว 15–20 ซม. โคนโป่งพอง ใบย่อยมี 6–8 คู่ รูปขอบขนาน ยาว 20–60 ซม. โคนกลม เบี้ยว เส้นแขนงใบข้างละ 18–38 เส้น ก้านใบย่อยยาว 0.2–2 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามปลายกิ่ง ยาว 0.3–1.2 ม. มีขนละเอียด ช่อแขนงยาวได้ถึง 50 ซม. กลีบเลี้ยงรูปถ้วย มี 3 กลีบขนาดเล็ก ดอกสีแดง มี 3 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม หนา รูปไข่ ยาวประมาณ 3 มม. ในดอกเพศเมียยาว 5–6 มม. เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนจานฐานดอก ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 1.5 มม. ลดรูปในดอกเพศเมีย จานฐานดอกรูปถ้วย หนา รังไข่ลดรูปในดอกเพศผู้ ไร้ก้านเกสรเพศเมีย ยอดเกสรจัก 3 พู ผลสด เปลือกหนา แห้งผิวย่น รูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 2–2.5 ซม. ปลายผลมีเกสรเพศเมียติดทน มี 3 ไพรีน เปลือกบาง ส่วนมากเจริญอันเดียว ก้านผลยาว 5–8 มม.
พบที่คาบสมุทรมลายูและภาคใต้ตอนล่างของไทยที่นราธิวาส ขึ้นตามป่าดิบชื้น ความสูง 100–300 เมตร ต่างจากชนิดอื่น ๆ ที่ใบประกอบและช่อดอกขนาดใหญ่ และดอกสีแดง
สกุล Dacryodes Vahl มีประมาณ 34 ชนิด ในไทยมี 5 ชนิด ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “dakryodes” การไหลของน้ำยางหรือชันคล้ายหยดน้ำตา ลักษณะทั่วไปคล้ายกับสกุล Santiria ที่ไพรีนมีเปลือกบางและมีช่องเดียว แต่ผลแห้งไม่ย่นและเกสรเพศเมียติดทนด้านข้าง ต่างจากสกุล Canarium ที่ผนังไพรีนหนา มี 3 ช่อง
|